วันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

วัดพระธาตุดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่

วัดพระธาตุดอยสุเทพ


วัดพระธาตุดอยสุเทพนี้เป็นปูชนียสถานคู่เมืองเชียงใหม่นับตั้งแต่โบราณกาล นักท่องเที่ยวซึ่งเดินทางมาที่จังหวัดนี้จะต้องขึ้นไปนมัสการพระบรมธาตุกันทุกคน ถ้าหากใครไม่ได้ขึ้นไปนมัสการแล้ว ถือเสมือนว่ายังมาไม่ถึงเชียงใหม่ ตามประวัติแห่งดอยสุเทพนั้นเชื่อกันว่า เดิมภูเขาแห่งนี้เป็นที่อยู่ของฤาษีนามว่า "สุเทวะ" ซึ่งตรงกับคำว่าสุเทพอันเป็นที่มาของชื่อดอยสูงแห่งนี้ โดยวัดพระธาตุดอยสุเทพนี้สร้างขึ้นเมื่อต้นพุทธศตวรรษที่ 19 ในสมัยพระเจ้ากือนาธรรมิกราช เจ้าหลวงเมืองเชียงใหม่องค์ที่ 6 เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่ได้ทรงอัญเชิญมาจากเมืองศรีสัชนาลัย
ตามตำนานเล่าว่า พระเจ้ากือนาธรรมิกราชทรงแยกพระบรมสารีริกธาตุไว้เป็นสองส่วน โดยอัญเชิญองค์หนึ่งบรรจุไว้ที่พระธาตุวัดสวนดอก ส่วนอีกองค์หนึ่งได้อัญเชิญขึ้นบนหลังช้างมงคล โดยพระเจ้ากือนาธรรมิกราชทรงตั้งจิตอธิษฐานเสี่ยงทายว่าหากช้างเชือกนั้นหยุดลงตรงที่ใดก็จะให้สร้างพระธาตุขึ้น ณ ที่แห่งนั้น ซึ่งช้างเชือกดังกล่าวได้มาหยุดลงตรงยอดดอยสุเทพแห่งนี้ โดยทำทักษิณาวรรตสามรอบก่อนที่จะล้มลง (ตาย) ดังนั้นพระเจ้ากือนาธรรมิกราชจึงทรงรับสั่งให้สร้างพระบรมธาตุอันเป็นที่ประดิษฐานองค์พระบรมสารีริกธาตุ ณ ยอดดอยสุเทพ อยู่คู่ฟ้าคู่ดินเชียงใหม่มานับแต่นั้น วัดพระธาตุดอยสุเทพตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองเชียงใหม่ ผู้ที่เดินทางมาสักการะที่วัดแห่งนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์เมืองเชียงใหม่ได้อย่างชัดเจน นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นบันไดนาคไป 300 ขั้น เพื่อไปยังวัด หรือใช้บริการรถกระเช้าขึ้น-ลงดอยสุเทพได้ ระหว่างเวลา 05.30-19.30 น.
งานประเพณีเตียวขึ้นดอยเพื่อสักการะพระธาตุดอยสุเทพจัดเป็นประจำทุกปี โดยมีขึ้นก่อนหน้าวันวิสาขบูชา 1 คืน ในงานจะมีขบวนแห่น้ำสำหรับสรงพระธาตุโดยมีพระสงฆ์ สามเณร และพุทธศาสนิกชนจากชุมชนต่าง ๆ มาร่วมขบวนแห่ขึ้นดอยเป็นจำนวนมาก
 

ความเชื่อและวิธีการบูชา เชื่อกันว่าหากมาสักการะและอธิษฐานขอพรพระธาตุดอยสุเทพ จะมีแต่ความสำเร็จสมหวังดังปรารถนา แคล้วคลาด ผ่านอุปสรรคนานาไปได้ ในการสักการะพระธาตุนั้น ควรเตรียมข้าวตอก ดอกไม้ ธูปเทียน แล้วเดินเวียนขวา 3 รอบ พร้อมกล่าวคำนมัสการพระธาตุ โดยตั้งจิตอธิษฐานขอให้สมหวังในสิ่งที่ปรารถนา และควรไหว้พระธาตุให้ครบทั้ง 4 ทิศ ซึ่งให้อานิสงส์ที่ต่างกัน คือ
 • ทิศเหนือขอให้มีปัญญาดุจพระจัทร์เพ็ญ
 • ทิศใต้ ขอให้ได้เป็นพระภิกษุสงฆ์ได้บวชในบวรพุทธศาสนา
 • ทิศตะวันออกขอให้ได้ขึ้นสวรรค์
 • ทิศตะวันตกเป็นการเคารพบูชาสูงสุดต่อพระธาตุ

สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อได้มานมัสการพระธาตุดอยสุเทพแล้ว ควรมากราบอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนา ที่ประดิษฐานอยู่ตรงเชิงดอยสุเทพเพื่อความเป็นสิริมงคลอีกด้วย

ท่องเที่ยวน้ำตกห้วยจันทร์


น้ำตกห้วยจันทร์





น้ำตกห้วยจันทร์ หรือ น้ำตกกันทรอม ตั้งอยู่ที่บ้านน้ำตกห้วยจันทร์ ตำบลห้วยจันทร์ อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ อยู่ห่างจากตัวอำเภอขุนหาญ 24 กิโลเมตร หรือห่างจากตัวจังหวัด 85 กิโลเมตร แต่เดิมนั้นภายในบริเวณน้ำตกมีต้นจันทน์แดงและจันทร์ขาวขึ้นอยู่หนาแน่น จึงได้ชื่อว่า “น้ำตกห้วยจันทร์” น้ำตกแห่งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจของจังหวัดศรีสะเกษ เนื่องจากสามารถเข้าถึงได้ง่าย เพราะตั้งอยู่ริมถนนทางหลวงแผ่นดิน
น้ำตกห้วยจันทร์ มีต้นกำเนิดจากภูเสลา บนเทือกเขาบรรทัด ไหลลงสู่แม่น้ำมูลที่อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ น้ำตกห้วยจันทร์เป็นน้ำตกที่สวยงาม มีน้ำตลอดทั้งปี  แต่ถ้าต้องการสัมผัสสายน้ำได้อย่างจุใจแล้วล่ะก็ ขอแนะนำให้เดินทางมาในช่วงเดือนกันยายน – กุมภาพันธ์ บริเวณโดยรอบน้ำตกร่มรื่นด้วยพันธุ์ไม้ป่านานาชนิด มีลมพัดเย็นสบายตลอดเวลา จึงเหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ สำหรับกิจกรรมยอดนิยมคงหนีไม่พ้นการลงเล่นน้ำ ซึ่งที่นี่มีจุดที่สามารถเล่นน้ำได้อย่างสนุกสนาน ส่วนการนำอาหารเข้ามารับประทานภายในบริเวณน้ำตก ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน ทั้งนี้นักท่องเที่ยวสามารถปูเสื่อนั่งรับประทานริมธารน้ำ หรือจะใช้บริการศาลาเล็กๆ ที่ตั้งเรียงรายอยู่เป็นระยะก็ได้เช่นกัน
การเดินทาง: ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 2111 เข้าตัวอำเภอขุนหาญ แล้วแยกไปใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 2128 ประมาณ 5 กิโลเมตร จนถึงบ้านกระเบา จากนั้นเลี้ยวซ้ายไปประมาณ 12 กิโลเมตร เมื่อถึงโรงเรียนบ้านห้วยจันทร์ ให้เลี้ยวขวาไปอีก 1 กิโลเมตร


น้ำตกเอราวัณ


น้ำตกเอราวัณชั้น7


เริ่มต้นด้วยน้ำตกเอราวัณชั้นที่ 1
ไหลคืนรัง

เดินกันแป๊บเดียว เพียงครึ่งกิโล ก็ทักทายกับปลายสายธารอันแสนงามหางน้ำตกชั้นที่หนึ่งกันแล้ว ต้อนรับการมาเยือนได้อย่างลิงโลด ขนาดหางๆยังงามซะ แล้วดูนั่นสิ ปลาพลวงเต็มผืนน้ำมรกต อดจะกรี๊ดในใจไม่ได้ ว่าแล้วก็จับภาพฝูงปลาเข้าฉากกันเสียหน่อย 

ว่าแต่ว่า วันนี้มันช่างเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเสียนี่กระไร มีวันหยุดกับเค้าเพียงวันเดียวก็ดันมาหยุดตรงกับวันออกพรรษาเสียนี่ ถึงแม้จะเป็นวันธรรมดาแต่โอ้ว! คนจะมากไปไหนทั้งไทยเทศ ภารกิจวันนี้แปรเปลี่ยนเป็นงานยากฉับพลันที่จะบันทึกภาพน้ำตกครบทุกชั้นโดยไม่ติดฝูงชน ได้แต่พยายามเฝ้ารอและค้นหามุมหลบคนจนสุดฤทธิ์



 ตามติดด้วยน้ำตกเอราวัณชั้นที่ 2
วังมัจฉา

ชั้นแรกประสบความสำเร็จหลบคนได้หลัง
จากรออยู่นานมาก พอเดินมาชั้นที่สองเร่ิมออกอาการหน้ามืดคลายจะเป็นลม นายน้ำฟ้าไม่ได้เมาแดดแต่เมาฝูงชน โฮะ โฮะ โฮะ บร๊ะเจ้า จะเยอะไปไหน แล้วเราจะตั้งกล้องตรงไหนดีนะเออ


ต่อกันที่น้ำตกเอราวัณชั้นที่ 3
ผาน้ำตก

สองชั้นแรกหมดไปหนึ่งชั่วโมง ชั้นสามอยู่ถัดไปไม่ไกลนัก แค่ลัดข้ามสะพานเหนือชั้นสอง เดินต่ออีกหน่อยเดียวก็ถึงแล้ว ชั้นนี้คนไม่เยอะเท่าหนึ่งกับสอง แต่เอราวัณเค้าสวยทุกชั้นมีหรือจะร้างคน กลุ่มฝรั่งสองสามกลุ่มมาจองกระถินปักหลักกันราวกับพาราไดซ์ส่วนตัว เฮ้ ยู ยู หลบไอหน่อยสิเฟ้ยยืนปักหลักกันเชียว รออยู่เป็นนานสองนานพอฝรั่งถอนสมอกลุ่มพี่ไทยก็เฮเข้าฉากกันต่อโดดน้ำกันตูมตาม เอ้า ไหนๆ ก็ไหนๆ ติดคนก็ติดคนล่ะวะครับ 

 ถัดไกลออกไปคือน้ำตกเอราวัณชั้นที่ 4
อกนางผีเสื้อ

ชั้นนี้ต้องเดินไต่บันไดยาวนับร้อยขั้น ออกแรงขยับเข่าจนแทบสั่นผ่านจุดชมวิวสันเขาที่วิวไม่ค่อยเตะตาเท่าไหร่ ว่าไปเดินยากแบบนี้คนคงถอดใจถอยไปหลาย ชะรอยคงจะมีคนเบาบางเป็นแน่แท้ แต่ผิดคาด ราวกับมีมหกรรมชมอกนางผีเสื้อ ทั้งไทยเทศเฮกันเล่นน้ำสนุกสนาน ไม่เว้นพระเณรยังติดใจเห็นโชว์ลีลาผาดโผนยังกับหลวงจีนวัดเส้าหลิน เนินอกนางฝีเสื้อกลายเป็นสไลเดอร์ชั้นดี
ไอ้กระผมก็ถอดใจนะบัดดล นั่งชมกายกรรมของเหล่าเณรน้อยเณรใหญ่และเหล่าปวงประชาดีกว่า


แต่นแต๊นถึงซะทีน้ำตกเอราวัณชั้นที่ 5
เบื่อไม่ลง

ชั้นนี้สวยจนรักจนหลงเบื่อไม่ลงจริงๆ แต่อดไม่ได้ที่จะเบื่อคน กิจกรรมสุดฮิตที่เห็นตรงหน้าคือนักท่องเที่ยวจะพากันนั่งห้อยขาเท้าแช่น้ำให้ปลาตอด สปาเท้าว่างั้น แล้วจู่ๆก็เกิดเหตุการณ์อัศจรรย์นักท่องเที่ยวก็พากันลุกพลึบกลับหมด ได้แต่ยืนงงตาค้าง กลายเป็นน้ำตกงามไร้คน ถ่ายรูปสบายอย่างเหลือเชื่อ
 ในที่สุดก็มาถึงอีกชั้นน้ำตกเอราวัณชั้นที่ 6
ดงพฤกษา

จัดการตั้งกล้องเก็บภาพโดยด่วนแสงจวนหมดแล้ว ไม่มีเวลามากพอจะเดินหามุม ยังเหลือชั้นเจ็ดอีก ทันใดก็มีจนท.ป่าไม้นายหนึ่งโผล่มา พร้อมบอกกับเราว่าขึ้นไปถ่ายชั้นเจ็ดเสร็จรีบกลับลงข้างล่างนะครับ ถูกแล้ว ที่นี่พอตกเย็นแบบนี้จนท.จะไล่ต้อนนักท่องเที่ยวให้ทยอยกลับลงไป อนุญาตให้อยู่เล่นน้ำต่อได้ที่ชั้น 1และ2 จนหกโมงเย็นก็จะปิดหมด


เราคือผู้พิชิตน้ำตกเอราวัณชั้นที่ 7

ภูผาเอราวัณ



โอ้เย้ ในที่สุดก็ถึงเสียทีเอราวัณชั้นเจ็ด เบ็ดเสร็จใช้เวลาไปกว่า 5 ชั่วโมง สี่โมงแล้ว แต่ว่าแดดหมดเกลี้ยงไปนานแล้ว white balance เริ่มเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เอาล่ะครับขอกดชัตเตอร์บันทึภาพภูผาเอราวัณเป็นที่ระลึกเสียหน่อยก่อนเก็บกล้องจ้ำอ้าวลงพื้นล่าง

ประวัติจังหวัดชัยภูมิ


ประวัติน่าสนใจของจังหวัดชัยภูมิ



...ประวัติจังหวัดชัยภูมิ...
          สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เมืองชัยภูมิ ปรากฏในทำเนียบแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ว่าเป็นเมืองขึ้นกับ เมืองนครราชสีมาแต่ต่อมาผู้คนได้อพยพออกไปตั้งหลักแหล่งทำมาหากินที่อื่น และ พ.ศ.2360 "นายแล"ข้าราชการสำนักเจ้า อนุวงศ์เมืองเวียงจันทร์ได้อพยพครอบครัวและบริวารเดินทางข้ามลำน้ำโขง มาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่บ้านหนองน้ำขุ่น (หนองอีจาน) ซึ่งอยู่ในบริเวณท้องที่อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา ปัจจุบัน ปี พ.ศ. 2362 เมื่อมีคนอพยพเข้ามาอยู่มาก นายแลก็ได้ย้าย ชุมชนมาตั้งใหม่ที่บ้านโนนน้ำอ้อม บ้านชีลอง ห่างจากตัวเมืองชัยภูมิ 6 กิโลเมตร นายแลได้เก็บส่วยผ้าขาวส่งไปบรรณาการ เจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์ จนได้รับบำเหน็จความชอบแต่งตั้งเป็น "ขุนภักดีชุมพล" ในปี พ.ศ. 2365 นายแลได้ย้ายชุมชนอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากที่เดิมกันดารน้ำ มาตั้งใหม่ที่บริเวณบ้านหลวง ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างหนองปลาเฒ่ากันหนองหลอด เขตอำเภอเมืองชัยภูมิ ปัจจุบัน และได้หันมาขึ้นตรงต่อเมืองนครราชสีมา และส่งส่วยทองคำถวายแด่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ไม่ยอม ขึ้นต่อเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์อีกต่อไปจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้ายกบ้านหลวง เป็นเมืองชัยภูมิ และแต่งตั้งขุนภักดีชุมพล (แล) เป็น "พระยาภักดีชุมพล" เจ้าเมืองคนแรกต่อมาเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์ได้ก่อการกบฏ ยกทัพเข้ามาหมายจะตีกรุงเทพฯ โดย หลอกหัวเมืองต่าง ๆ ที่เดินทัพมาว่าจะมาช่วยกรุงเทพฯ รบกับอังกฤษ จนกระทั่งเจ้าอนุวงศ์สามารถยึดเมืองนครราชสีมาได้ เมื่อปี พ.ศ. 2369 ซึ่งตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้งต่อมา เมื่อความแตกเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์ได้ กวาดต้อนชาวเมืองนครราชสีมา เพื่อนำไปยังเมืองเวียงจันทร์ เมื่อไปถึงทุ่งสัมฤทธิ์ หญิงชายชาวเมืองที่ถูกจับโดยการนำของ คุณหญิงโม ภรรยาเจ้าเมืองนครราชสีมา ได้ลุกฮือขึ้นต่อสู้ พระยาภักดีชุมพลเจ้าเมืองชัยภูมิพร้อมด้วยเจ้าเมืองใกล้เคียงได้ ยกทัพออกไปสมทบกับคุณหญิงโม ตีกระหนาบทัพเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์จนแตกพ่ายไปฝ่ายกองทัพลาวส่วนหนึ่งล่า ถอยจาก เมืองนครราชสีมาเข้ายึดเมืองชัยภูมิไว้ และเกลี้ยกล่อมให้พระยาภักดีชุมพล (แล) เข้าร่วมเป็นกบฏด้วย แต่พระยาภักดีชุม พลไม่ยอมเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์เกิดความแค้น จึงจับตัวพระยาภักดีชุมพลมาประหารชีวิตที่บริเวณใต้ต้นมะขามใหญ่ริม หนองปลาเฒ่า ซึ่งต่อมาชาวชัยภูมิได้ระลึกถึงคุณความดีที่ท่านมีความซื่อสัตย์และเสียสละ ต่อแผ่นดิน จึงได้พร้อมใจกันสร้าง ศาลขึ้น ณ บริเวณนั้น ปัจจุบันทางราชการได้สร้างศาลขึ้นใหม่เป็นศาลาทรงไทยชื่อว่า "ศาลาพระยาภักดีชุมพล (แล)" มีรูป หล่อของท่านอยู่ภายใน เป็นที่เคารพกราบไว้และถือเป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งของจังหวัด ตั้งอยู่ห่างจากศาลากลาง จังหวัดชัยภูมิประมาณ 3 กิโลเมตร
                                                                                                                                                                             
...เขตการปกครอง...
          แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 16 อำเภอ
                  1. อำเภอเมืองชัยภูมิ                    9. อำเภอเทพสถิต        
                  2. อำเภอบ้านเขว้า                      10. อำเภอภักดีชุมพล
                  3. อำเภอเกษตรสมบูรณ์              11. อำเภอซับใหญ่
                  4. อำเภอหนองบัวแดง                 12. อำเภอเนินสง่า
                  5. อำเภอคอนสวรรค์                   13. อำเภอคอนสาร
                  6. อำเภอจัตุรัส                          14. อำเภอแก้งคร้อ
                  7. อำเภอบำเหน็จณรงค์                15. อำเภอบ้านแท่น
                  8. อำเภอหนองบัวระเหว               16. อำเภอภูเขียว 

...ลักษณะภูมิประเทศ... 
         ลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไป ประกอบด้วยป่าไม้และภูเขาร้อยละ 50 ของพื้นที่จังหวัด นอกนั้นเป็นที่ราบสูง บริเวณ ตอนกลางของจังหวัดเป็นพื้นที่ราบ มีพื้นที่ป่าไม้และเทือกเขาตั้งเรียงรายจากทิศตะวันออกสู่ทิศตะวันตก ประกอบด้วยเทือก เขาสำคัญได้แก่ ภูอีเฒ่า ภูแลนคา และภูพังเหย 

...อาณาเขต...
          ทิศเหนือ          ติดต่อกับ  จังหวัดขอนแก่น และเพชรบูรณ์ 
          ทิศตะวันออก  ติดต่อกับ จังหวัดขอนแก่น และนครราชสีมา 
          ทิศใต้              ติดต่อกับ  จังหวัดนครราชสีมา 
          ทิศตะวันตก     ติดต่อกับ  จังหวัดลพบุรี และเพชรบูรณ์

ที่นี้ชัยภูมิ


ผาหำหด จังหวัดชัยภูมิ








ผาหำหด คือ สถานที่ทดสอบความเสียวเบื้องล่างของบุรุษเพศ และเป็นชื่อจุดชมวิวที่สวยงามของ จังหวัดชัยภูมิ


วันจันทร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2560

แนะนำตัวเอง

       ประวัติส่วนตัว
-ชื่อ นาย ศุภวัฒน์ ศรีวินัย เลขที่ 7 
-ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1
-อยู่บ้านเลขที่3 หมู่ 2 บ้านหนองแก้ว ตำบลหนองแก้ว อำเภอเมือง
จังหวัดศรีสะเกษ
-กำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนไกรภักดีวิทยาคม
-อาศัยอยู่กับพ่อแม่
-มีพี่น้องทั้งหมด 2คน

วันอังคารที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2560

แนะนำโรงเรียนไกรภักดีวิทยาคม


                                   ประวัติโรงเรียนไกรภักดีวิทยาคม
 
โรงเรียนไกรภักดีวิทยาคม  ตั้งขึ้นเมื่อวันที่  20  พฤษภาคม  พ.ศ.  2523  เป็นโรงเรียนมัธยมศึกษา  เมื่อแรกตั้งสังกัดกรมสามัญศึกษา  กระทรวงศึกษาธิการ 
  ปัจจุบันสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 28 (ศรีสะเกษ-ยโสธร)  สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ เปิดสอนนักเรียนแบบสหศึกษา รับนักเรียนทั้งชายและหญิง  มีเนื้อที่ 73 ไร่  2 งาน สถานที่ตั้ง เลขที่ 170 หมู่ 8 ถนนศรีสะเกษ–อุบล ตำบลโพธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ 33000
          ชื่อโรงเรียน “ไกรภักดีวิทยาคม” ตั้งชื่อตามนามของเจ้าเมืองซึ่งปกครองจังหวัดศรีสะเกษคนแรกคือ “พระยาไกรภักดีศรีนครลำดวน  จึงเป็นที่มาของชื่อ “โรงเรียนไกรภักดีวิทยาคม” เมื่อเริ่มเปิดทำการเรียนการสอนภาคเรียนที่ 1
ปีการศึกษา 2523  ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยมีครู 6 คน  นักเรียน 80 คน และนักการภารโรง 1 คน  ได้ขอใช้อาคารเรียน
ของโรงเรียน หนองตะมะเป็นสถานที่ทำการเรียนการสอน
ต่อมาในปีการศึกษา 2523 ภาคเรียนที่ 2  จึงสร้างอาคารเรียนชั่วคราวหลังแรก  และทำการเรียนการสอนในพื้นที่โรงเรียนไกรภักดีวิทยาคมจนถึงปัจจุบัน